บราซิลลงนามอนุสัญญาสิงคโปร์ว่าด้วยข้อตกลงเพื่อระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศด้วยการไกล่เกลี่ย
เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2021 ที่ผ่านมา บราซิลได้เข้าสู่อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยข้อตกลงระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศที่เกิดจากการไกล่เกลี่ย หรือที่เรียกว่าอนุสัญญาสิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นการก้าวเข้าสู่การส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของบราซิล อย่างไรก็ตามเพื่อให้อนุสัญญามีผลบังคับใช้อย่างเต็มที่ในกรอบการทำงานของบราซิล ยังคงจำเป็นต้องมีกระบวนการทางกฎหมายบางอย่าง เช่น การอนุมัติจากรัฐสภาและการให้สัตยาบันโดยประธานาธิบดี
อนุสัญญาว่าด้วยข้อตกลงเพื่อระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศด้วยการไกล่เกลี่ย (UN Convention on International Settlement Agreements Resulting from Mediation) มีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า อนุสัญญาสิงคโปร์ว่าด้วยการไกล่เกลี่ย (Singapore Convention on Mediation) เป็นอนุสัญญาที่ช่วยให้การยุติข้อพิพาทระหว่างประเทศเป็นไปได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่และมีการลงทุนมหาศาลในต่างประเทศ โดยอนุสัญญาดังกล่าวเป็นการทำให้การไกล่เกลี่ยเป็นทางเลือกหนึ่งในการระงับข้อพิพาททางเลือกในบริบทของการค้าระหว่างประเทศ โดยมีผู้ไกล่เกลี่ยเป็นคนกลางที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือ เสนอแนะ หาทางออกในการยุติหรือระงับข้อพิพาทให้คู่กรณี แต่อย่างไรก็ดี การไกล่เกลี่ยโดยปกตินั้นหากคู่พิพาทฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยอมปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าว ประเทศคู่กรณีก็ไม่สามารถมีอำนาจบังคับให้อีกฝ่ายปฏิบัติตามได้ จึงอาจกล่าวได้ว่า กลไกการบังคับใช้ยังเป็นสิ่งที่ขาดหายไปจากการไกล่เกลี่ย นอกเหนือไปจากการไกล่เกลี่ยแล้ว ประเทศคู่กรณีอาจจะเลือกใช้วิธีอื่นในการหาข้อยุติ เช่น อนุญาโตตุลาการ หรือการนำคดีขึ้นสู่การพิจารณาพิพากษาของศาล เป็นต้น
ข่าว/บทความที่เกี่ยวข้อง
อนุสัญญาสิงคโปร์มีผลบังคับใช้ 12 กันยายน 2020 ซึ่งเป็นการสร้างกรอบการทำงานที่สอดคล้องกันสำหรับการบังคับใช้ข้อตกลงการระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็วและมุ่งมั่นที่จะทำให้การไกล่เกลี่ยมีประสิทธิภาพและน่าสนใจยิ่งขึ้นสำหรับธุรกรรมทางการค้าทั่วโลก
ดังที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่า ก่อนหน้าที่จะมีการบังคับใช้อนุสัญญาสิงคโปร์ ข้อตกลงการไกล่เกลี่ยระหว่างประเทศขาดการบังคับใช้ในตัวของมันเอง ซึ่งหมายความว่าหากฝ่ายที่แพ้ไม่ปฏิบัติตามผลของการไกล่เกลี่ยโดยสมัครใจ ฝ่ายที่ชนะในการไกล่เกลี่ยต้องเริ่มกระบวนการอนุญาโตตุลาการหรือการพิจารณาคดีโดยศาลสำหรับการผิดสัญญาและพยายามบังคับใช้คำตัดสินของอนุญาโตตุลาการที่เป็นผลหรือคำตัดสินของศาลเพื่อให้ได้มาซึ่งการบรรเทาทุกข์ ซึ่งทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นเพิ่มเติมและเสียเวลา นี่เป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับคู่กรณีในการพิจารณาไกล่เกลี่ย เนื่องจากพวกเขาสามารถเลือกใช้อนุญาโตตุลาการซึ่งมีการรับรองการบังคับคำชี้ขาดได้ตามอนุสัญญานิวยอร์ก
“การไกล่เกลี่ย” ถูกกำหนดภายใต้อนุสัญญาสิงคโปร์ว่าเป็น “กระบวนการโดยไม่คำนึงถึงการแสดงออกที่ใช้หรือพื้นฐานของกระบวนการที่ดำเนินการ โดยที่ฝ่ายต่าง ๆ พยายามที่จะบรรลุการระงับข้อพิพาทฉันมิตรด้วยความช่วยเหลือจากบุคคลที่สามหรือบุคคลหลายคน (‘ผู้ไกล่เกลี่ย’) ไม่มีอำนาจที่จะกำหนดแนวทางแก้ไขให้กับคู่กรณีในข้อพิพาท”[1]
อนุสัญญาสิงคโปร์รวมกรอบการทำงานสำหรับการบังคับใช้ข้อตกลงการไกล่เกลี่ยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการค้าระหว่างประเทศ รัฐที่ให้สัตยาบันอนุสัญญาสิงคโปร์มีหน้าที่บังคับใช้ข้อตกลงยุติคดีที่เกิดจากการไกล่เกลี่ยภายใต้กฎภายในประเทศของตนเอง โดยต้องใช้กระบวนการศาลที่มีความคล่องตัวตามที่กำหนดไว้ในอนุสัญญา อนุสัญญาสิงคโปร์มีจุดมุ่งหมายเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างประเทศโดยให้การไกล่เกลี่ยเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพและได้รับความไว้วางใจในการแก้ไขข้อพิพาท ควบคู่ไปกับอนุญาโตตุลาการและการดำเนินคดีโดยศาล อย่างไรก็ตามอนุสัญญาสิงคโปร์มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมการไกล่เกลี่ยในข้อพิพาททางการค้าระหว่างประเทศโดยอนุญาตให้ฝ่ายต่าง ๆ ใช้ข้อตกลงยุติคดีที่ทำได้ในประเทศอื่น ๆ ดังนั้น อนุสัญญาสิงคโปร์คาดว่าจะมีอิทธิพลที่ดีต่อการไกล่เกลี่ยในระยะกลางและระยะยาว อนุสัญญาดังกล่าวจึงไม่ครอบคลุมถึงการยุติคดีที่ทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ส่วนตัว ครอบครัว มรดก หรือกฎหมายการจ้างงาน จะไม่ครอบคลุมอยู่ในอนุสัญญาสิงคโปร์ นอกจากนี้ยังไม่สามารถไกล่เกลี่ยข้อตกลงระงับข้อพิพาทที่บังคับใช้เป็นคำพิพากษาหรือคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการได้
ปัจจุบันมีผู้ลงนาม 54 รายในอนุสัญญาสิงคโปร์ ในบรรดาประเทศการค้าหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ และอินเดีย ทั้งนี้ ศาลของรัฐผู้ทำสัญญาอาจปฏิเสธที่จะให้การบรรเทาทุกข์ตามข้อตกลงยุติคดีในสถานการณ์ที่จำกัด เช่น
- คู่สัญญาในข้อตกลงยุติคดีนั้นอยู่ในสถานะไร้ความสามารถ;
- ข้อตกลงยุติคดีไม่มีผลผูกพัน ไร้ค่า (Null) เป็นโมฆะ (Void) ใช้ไม่ได้หรือไม่สามารถดำเนินการได้ภายใต้กฎหมายที่อยู่ภายใต้บังคับ
- มีการละเมิดอย่างร้ายแรงโดยผู้ไกล่ที่ใช้บังคับกับผู้ไกล่เกลี่ย ซึ่งหากไม่มีการละเมิดฝ่ายนั้นก็จะไม่ได้ทำข้อตกลงยุติคดี
- ข้อตกลงการระงับข้อพิพาทได้รับการดำเนินการหรือแก้ไขแล้ว
- การให้การบรรเทาทุกข์จะขัดต่อนโยบายสาธารณะของคู่สัญญา
- สาระสำคัญของข้อพิพาทไม่สามารถระงับได้โดยการไกล่เกลี่ยตามกฎหมายของฝ่ายนั้น
ที่มา:
- https://www.trenchrossi.com/en/legal-alerts/brazil-signs-the-singapore-convention-on-mediation/
- https://globalarbitrationnews.com/brazil-signs-the-singapore-convention-on-settlements-arising-from-mediation/
- https://www.lexology.com/library/detail.aspx?g=c73e7d84-7cdb-44cc-ab32-e1eae41f6e6c
- https://unis.unvienna.org/unis/en/pressrels/2021/unisl313.html
- https://viamediationcentre.org/readnews/MTI4MQ==/On-Settlements-Arising-from-Mediation-Brazil-signs-the-Singapore-Mediation-Convention
- https://www.nortonrosefulbright.com/-/media/files/nrf/nrfweb/knowledge-pdfs/emea_15747_newsletter__international-arbitration-report-_issue-13.pdf?revision=&revision=
- https://www.latamlawblog.com/2021/06/brazil-joins-the-singapore-convention/
- https://uncitral.un.org/en/texts/mediation/conventions/international_settlement_agreements/status
- [1] Article 2(3) of the Singapore Convention “a process, irrespective of the expression used or the basis upon which the process is carried out, whereby parties attempt to reach an amicable settlement of their dispute with the assistance of a third person or persons (‘the mediator’) lacking the authority to impose a solution upon the parties to the dispute”