เครียดหนี้นอกระบบ หยิบมีดจ่อคอร้องเรียนหน้าทำเนียบ ตร.เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบ ส่ง จนท.ประสานงานช่วยไกล่เกลี่ยขอประนอมหนี้
ชาวบ้านเครียดหนี้นอกระบบเพิ่มจาก 4 แสนเป็น 2 ล้าน ก่อเหตุเอามีดจ่อลำคอตนเองเพื่อร้องเรียนหน้าทำเนียบ หวังนายกเป็นที่พึ่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่นิ่งนอนใจเร่งตรวจสอบ พร้อมระดมพลออกปราบปรามนายทุนเงินกู้นอกระบบ เผยตัวเลข 8 เดือน รวบได้กว่า 2 พันราย ยึดทรัพย์สินกว่า 500 ล้านบาท
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.สง.ก.ตร. จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกันแถลงผลกวาดล้างนายทุนเงินกู้ ที่ให้ประชาชนกู้เงินโดยคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ทวงหนี้โดยผิดกฎหมาย มีการกู้ยืมเงินที่มีลักษณะฉ้อโกงประชาชน หรือการทำสัญญาเอารัดเอาเปรียบประชาชน
ข่าว/บทความที่เกี่ยวข้อง
พล.ต.อ.ปิยะกล่าวว่า “จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีนายประเสริฐ อาดำ อายุ 61 ปี อาชีพชาวนา จ.ปทุมธานี ได้ไปร้องเรียนที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งทางนายกรัฐมนตรีเป็นห่วงเรื่องนี้ ได้สั่งการผ่าน ผบ.ตร.ให้ลงไปตรวจสอบนายทุนเงินกู้นอกระบบ นอกจากนี้ยังมีนายทุนโหด คิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด และการรับจำนำรถโดยคิดดอกเบี้ยเกินอัตรา ทั้งนี้ ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำให้มีการดำเนินการต่อ การปฏิบัติการต้องไม่จบแค่นี้ให้ขยายผลตรวจสอบไปถึงนายทุนให้ได้ โดยบังคับใช้กฎหมายทุกข้อหาที่สามารถทำได้ โดยหลักจะดำเนินคดีเกี่ยวกับการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด การประกอบกิจการเงินกู้นอกระบบ พ.ร.บ.ทวงหนี้ รวมถึงการตรวจสอบเส้นทางการเงินประสานงานร่วมกับ ปปง.ในการยึดทรัพย์สินต่อไป”
จากกรณีที่นายประเสริฐ อาดำ ได้ไปร้องเรียนที่ทำเนียบรัฐบาล โดยใช้อาวุธมีดจ่อที่ลำคอแจ้งความประสงค์ขอพบนายกรัฐมนตรี เนื่องจากได้กู้ยืมเงินจากนายทุนจำนวน 400,000 บาท แต่ถูกฟ้องร้องต่อศาลเรียกเงินคืน 2,300,000 บาท ไม่รู้จะพึ่งใครจึงมาก่อเหตุที่หน้าทำเนียบรัฐบาล
ซึ่งคดีนี้ ตำรวจได้ลงพื้นที่สืบสวนสอบสวน พร้อมพูดคุยกับนายประเสริฐ จึงทราบปัญหาว่าได้กู้ยืมเงินจากนายทุนจริง โดยได้กู้ยืมเงินจากนายอุดม ใจเอื้อเฟื้อ ในพื้นที่ ม.6 ต.คลองพระอุดม อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ตั้งแต่ปี 2557 ครั้งละ 1-3 แสนบาท และได้ผ่อนดอกเบี้ยมานานแต่เงินต้นไม่ลดเลย ประกอบกับต้นปีที่ผ่านมาได้มีคำฟ้องร้องของศาลมาให้ชดใช้หนี้ รวม 2.3 ล้านบาท จึงมาก่อเหตุดังกล่าว หลังทราบได้ขอหมายค้นศาลจังหวัดปทุมธานี ที่ ค.31/2564 ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 เข้าตรวจค้นบ้านพักของนายอุดม พบสำเนาโฉนดที่ดิน 23 ฉบับ สัญญาเงินกู้พร้อมหนังสือมอบอำนาจ 16 ฉบับ สมุดจดบันทึกและสมุดบัญชีเงินกู้ อาวุธปืน 2 กระบอก ตู้เซฟ 1 ตู้ สมุดจดเงินกู้ที่มีรายชื่อผู้กู้ 57 ราย จำนวนเงินประมาณ 22 ล้านบาท จึงได้ยึดไว้เป็นหลักฐาน และได้ประสานคณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้นอกระบบ ประจำจังหวัดปทุมธานี เพื่อไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ ผลปรากฏว่านายอุดมตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความตามกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ. 2553 จากเดิมที่นายประเสริฐถูกฟ้องบังคับชำระหนี้จำนวน 2,348,475 บาท นายอุดมยินยอมให้นายประเสริฐชำระหนี้เพียงเงินต้น 300,000 บาท ภายในระยะเวลา 2 ปี รวมทั้งได้ถอนฟ้องและคืนโฉนดที่ดินให้ ทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงกันได้ หลังจากนี้ตำรวจจะตรวจสอบโฉนดที่ดินที่เหลือ รวมทั้งเอกสารเกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน และเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจะติดตามพยานบุคคลอื่นๆ เข้ามาให้ถ้อยคำ หากพบว่ากระทำความผิดกฎหมาย จะดำเนินการต่อไป” พล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง รองผบช.ภ.1 กล่าว
พล.ต.ท.ธนายุตม์กล่าวเพิ่มเติมว่า “ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปน.ตร. ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย. 2563 ถึงปัจจุบัน มีผลการดำเนินการสืบสวนปราบปรามนายทุนเงินกู้นอกระบบ และรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน รวม 3,754 เรื่อง ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน 3,345 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 89.1 อยู่ระหว่างดำเนินการ 409 เรื่อง แบ่งตามลักษณะการกระทำความผิด ดังนี้ 1. ดอกเบี้ยเกินอัตราฯ 2,172 เรื่อง ร้อยละ 57.86, 2. หมวกกันน็อก 895 เรื่อง ร้อยละ 23.84, 3. เงินกู้ออนไลน์ 536 เรื่อง, 4. จำนำรถ 53 เรื่อง, 5. ขายฝากที่ดิน 26 เรื่อง, 6. จำนองที่ดิน 30 เรื่อง, 7. วางหลักประกัน 37 เรื่อง, 8. อื่นๆ 5 เรื่อง มีผลปฏิบัติสามารถจับกุมผู้ต้องหา 1,986 คน ตรวจยึดเงินสด 2,183,939 บาท อาวุธ 20 รายการ บัญชีที่เกี่ยวข้องกว่า 3,000 บัญชี รถยนต์และจักรยานยนต์กว่า 500 คัน โฉนดที่ดิน 145 ฉบับ มูลค่าของกลางกว่า 500 ล้านบาท”
อีกคดีที่เกิดขึ้น ทาง พ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผกก.5 บก.ปอศ. พร้อมชุดปฏิบัติการปราบปรามหนี้นอกระบบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้นำหมายค้น ศาลจังหวัดชัยภูมิ ที่ 14/2564 ลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 262 ม.11 ต.คอนสวรรค์ อ.คอนสวรรค์ จ.ชัยภูมิ บ้านของนางวงจันทร์ คงน้อย นายทุนปล่อยกู้คิดดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนดในพื้นที่ อ.คอนสวรรค์ จ.ชัยภูมิ ซึ่งคนที่จะมากู้ยืมเงินจะต้องเอาโฉนดที่ดินของตนเองเป็นหลักค้ำประกันเงินกู้ โดยให้ผู้กู้ทำสัญญาเงินกู้ลงเพียงรายมือชื่อไว้ในสัญญาโดยไม่ได้ลงรายละเอียดยอดเงินที่ขอกู้ไว้ในสัญญาแต่อย่างใด และคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อเดือน หรือร้อยละ 60 ต่อปี ผลการตรวจค้นพบโฉนดที่ดิน 17 ฉบับ โฉนดที่ดินพร้อมสัญญาเงินกู้ 28 ฉบับ สัญญากู้ยืมเงิน 23 ฉบับ สมุดบัญชีธนาคาร 6 เล่ม เงินสด 50,000 บาท คู่มือจดทะเบียนรถแทร็กเตอร์ 2 คัน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบที่มาของโฉนดที่ดินและสัญญากู้ยืมเงิน หากพบว่าได้มาโดยมิชอบจากการปล่อยเงินกู้นอกระบบจะดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดและผู้ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษณ์ รอง ผบช.สอท. ยังเปิดเผยถึงการทลายโกดังจำนำรถรายใหญ่ในภาคตะวันออก โดยเข้าตรวจค้น 3 เป้าหมายในจังหวัดชลบุรี พร้อมจับกุมผู้ต้องหารวม 4 คน ตรวจยึดรถยนต์รวม 44 คัน และจักรยานยนต์ 15 คัน ซึ่งทั้งหมดรับว่ารถของกลางเป็นรถที่จำนำไว้กับผู้ครอบครองรถ โดยคิดค่าบริการและดอกเบี้ย พร้อมทำสัญญาโอนลอยกรรมสิทธิ์ไว้ โดยจากนี้ตำรวจจะตรวจสอบที่มาของรถ หากพบว่าเป็นรถที่ถูกโจรกรรม รับจำนำ หรือดำเนินการโดยผิดกฎหมาย จะมีการแจ้งความดำเนินคดีต่อไป
ติดตามข่าวสารอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ www.thac.or.th
ที่มา https://mgronline.com/crime/detail/9640000014979