เจ๊รัตน์ – ป้าไพ ท้าสาบานปมยักยอกหวยรางวัลที่ 1 ลั่นอยากเข้าไกล่เกลี่ยมากกว่าดำเนินคดี
เจ๊รัตน์ – ป้าไพ แสดงความบริสุทธิ์ต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ลั่นอยากไกล่เกลี่ย ไม่อยากให้ดำเนินคดีเป็นเรื่องใหญ่ ขณะที่ตร.รับคำร้อง เข้าข่ายยักยอกทรัพย์เตรียมหาหลักฐานเร่งดำเนินคดี
เกิดเป็นกรณีดังอีกครั้งกับเรื่องยักยอกสลากกินแบ่งรัฐบาล เมื่อนางไพมณี พลราชม อายุ 57 ปี อาชีพแม่ค้าในเขตเทศบาลนครสกลนคร เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสกลนคร ในวันที่ 6 มีนาคม 2564 ว่า ตนเองนั้นถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือ ลอตเตอรี่ รางวัลที่ 1 เลขรางวัล 835538 งวดวันที่ 1 มีนาคม 2564 แต่ลอตเตอรี่อยู่กับคนขายจากการจองไว้ แต่คนขายบอกปัด อ้างขายทิ้งไปแล้วเพราะไม่มีคนมารับ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2564 นางรัตนา ภูละคร แม่ค้าขายลอตเตอรี่ แต่งกายด้วยชุดขาว และนางไพมณี พลราชม ผู้อ้างว่าถูกรางวัลที่ 1 ได้แต่งกายด้วยชุดนางรำภูไท ได้เดินทางมาที่วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร เพื่อเข้าพิธีสาบานตนในการแสดงความบริสุทธิ์ โดยก่อนการทำพิธีสาบานตน ทางเจ้าหน้าที่ของวัดพระธาตุเชิงชุม ได้มาพูคุยทำความเข้าใจกับทั้งสองคนว่า ห้ามสาปแช่งหรือพูดสิ่งที่ไม่ดีต่อกัน ในขณะที่ทำพิธีสาบานต่อหน้าพระประธาน
ข่าว/บทความที่เกี่ยวข้อง
“ที่ตนมาวันนี้ตนไม่ได้มาสาบาน ตนมาเพื่อหาลอตเตอรี่ที่ตนซื้อไปว่าอยู่ที่ไหน ให้คนที่ซื้อไปเอามาคืน ถ้าไม่ถูกรางวัลตนก็จะยอมรับความจริง ถ้าถูกรางวัลก็ให้มาตกลงกัน ตนไม่เคยคิดที่จะมาสาบานหรือสาปแช่งให้ต้องมีคนตายภายใน 5 วัน 7 วัน” นางไพมณี กล่าวเป็นคนแรก
ด้านนางรัตนากล่าวว่า “ วันนี้ได้มาแสดงความบริสุทธิ์ของตัวเอง ว่าไม่ได้ยักยอกลอตเตอรี่ไป ไม่ได้เอาไว้ที่ญาติพี่น้อง ไม่รู้ว่าลอตเตอรี่ตัวนั้นเป็นเลขอะไรและไม่เห็นตอนที่ไพมณีเขียนชื่อด้านหลังลอตเตอรี่ แต่ยอมรับว่ายื่นปากกาให้จริง เมื่อเขาจองแล้วแต่เขาไม่มารับ ตนจึงจำเป็นต้องขายออกไป”
หลังจากกล่าวคำอธิษฐานเสร็จ นางรัตนาได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ที่ตนมาวันนี้ เพราะมาตามคำท้าของนางไพมณี แต่พอไพมณีไม่สาบานก็รู้สึกเสียใจ และถึงแม้ตนได้พูดกล่าวแสดงความบริสุทธิ์ใจต่อหน้าพระประธานแล้ว ก็ยังคงรู้สึกน้อยใจที่นางไพมณีไปแจ้งความ ทั้งที่เรื่องนี้พูดคุยกันได้ ก็น่าจะพูดคุยกันก่อน ทำไมทำให้เป็นเรื่องใหญ่ อีกทั้งยังทำให้ตนได้รับความเสียหาย และคนทั้งโลกมองว่าตนยักยอกลอตเตอรี่ไปแล้ว”
ขณะที่ นางไพมณีในประเด็นที่ท้ารัตนามาสาบานว่า “การที่ตนไม่สาบานแต่พูดกล่าวอธิษฐานแทนนั้น เป็นเพราะพระที่ตนนับถือให้คำแนะนำว่าไม่อยากให้มีการสาปแช่งกัน เพราะจะเป็นเวรกรรมต่อกัน และวัดเป็นสถานที่ ศักดิ์สิทธิ์ที่คนกราบไว้ จึงไม่เหมาะสมที่จะเป็นสถานที่ที่ใช้ในการสาปแช่ง อีกทั้งตอนเช้าที่มาถึงวัดลูกศิษย์วัดก็ให้คำแนะนำเช่นเดียวกัน ตนจึงไม่อยากสาบาน แต่ที่ตนเห็นท่าทีเขาวันนี้ ตนไม่สบายใจ เพราะรัตนาเอาญาติมาสาบานด้วยเยอะ เหมือนมีคนพารัตนาพูดทุกคำ มากกว่าพูดออกมาเองจากใจจริง ส่วนเรื่องคดี ตนปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ถ้าเคลียร์กันได้ตนก็อยากคุยกัน แต่ถ้าไม่ได้ก็ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจต่อไป”
สำหรับความคืบหน้าในคดีพันตำรวจเอกตรีวิทย์ ศรีประภา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสกลนคร ระบุว่า “ตอนนี้ทางตำรวจได้รับคำร้องทุกข์ของนางไพมณีเป็นคดีอาญาแล้ว ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาคือ รัตนามีพฤติกรรมเข้าข่ายยักยอกทรัพย์ โดยทางเจ้าหน้าที่จะมีการรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนที่จะแจ้งข้อกล่าวหากับรัตนาต่อไป”
อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำพยานฝ่ายนางไพมณีไปแล้ว 3 ปาก คือนางสาวกัณฑ์ทิพย์ เนาว์ศรีสอน นางเพ็ญศรี ไพศาล และนางมุกดา วงศ์ธันยพร ซึ่งทั้งหมดเป็นนางรำที่อยู่ในเหตุการณ์ ทั้งนี้นางไพมณียังต้องการเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยมากกว่าการดำเนินคดี แต่ทางตำรวจได้แจ้งขั้นตอนตามกฎหมายว่า จะต้องดำเนินคดีและต้องแจ้งข้อกล่าวหา รวมถึงออกหมายเรียกนางรัตนาก่อน ถึงจะเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยได้ สามารถติดตามความคืบหน้าและอ่านข่าวอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ www.thac.or.th