โฮปเวลล์ข้อพิพาทสองหมื่นล้าน รัฐจะจบหรือจะยื้อ
ตามกันต่อกับโฮปเวลล์ คดีข้อพิพาทระหว่างรัฐ – เอกชนที่ยาวนานมากกว่า 30 ปี ล่าสุดศาลปกครองกลาง มีคำสั่งไม่รับคำขอของกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ให้พิจารณาคดีใหม่ไว้พิจารณา ในคดีหมายเลขดำที่ 107/2552 ,2038/2551 ,1397/2552 คดีหมายเลขแดงที่ 366-368/2557 หรือคดีพิพาทกับบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด แม้กระทรวงคมนาคมและ รฟท.จะอ้างว่ามีหลักฐานใหม่เกี่ยวกับการนับอายุความในคดีโฮปเวลล์ก็ตาม
คดีนี้เป็นคดีที่มีความซับซ้อน จนต้องยกไว้เพื่อเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ เพราะการที่ศาลปกครองกลางเห็นว่า แม้ทางผู้ร้องจะยกคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 5/2564 เมื่อวันที่ 17 มี.ค.2564 ว่า มติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ครั้งที่ 18/2545 เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2545 เรื่องปัญหาเกี่ยวกับระยะเวลาฟ้องคดี ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาเป็นเหตุผล. แต่เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญ “ไม่รับคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติม” ในส่วนที่เกี่ยวกับการวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดในคดีโฮปเวลล์ เพราะเป็นการกระทำทางตุลาการ ดังนั้น คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว จึงไม่มีผลผูกพันต่อศาลในคดีโฮปเวลล์ และเมื่อพิจารณา รัฐธรรมนูญ มาตรา 211 วรรคสี่ ที่บัญญัติให้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ “แต่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญย่อมจะไม่กระทบต่อคำพิพากษาศาลอื่นอันถึงที่สุดแล้ว”
แม้ว่ากฎหมายที่ศาลอื่นใช้เป็นหลักจะถูกวินิจฉัยในภายหลังว่า ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญก็ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จึงมีผลผูกพันเฉพาะคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาในศาลอื่นเท่านั้น
ฉะนั้น เมื่อศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาหมายเลขดำที่ อ.410-412/2557 คดีหมายเลขแดงที่ อ.221-223/2562 ในคดีโฮปเวลล์ ย่อมถือได้ว่าคดีนี้ ศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยที่ 5/2564 ออกมา คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจึงไม่กระทบต่อคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดแต่อย่างใด คำสั่งศาลปกครองสูงสุดจึงถึงที่สุดแล้ว
ข่าว/บทความที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ศาลปกครองกลางยังระบุว่า คำร้องขอให้พิจารณาคดีโฮปเวลล์ใหม่ ของกระทรวงคมนาคม ผู้ร้องที่ 1 และ รฟท.ผู้ร้องที่ 2 นั้น ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่ศาลปกครองจะรับไว้พิจารณาคดีใหม่ เนื่องจากศาลปกครองไม่ได้ฟังข้อเท็จจริงผิดพลาด หรือมีพยานหลักฐานใหม่อันอาจทำให้ข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติแล้วนั้น เปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญตามมาตรา 75 วรรคหนึ่ง (1) แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 ตามที่ กระทรวงคมนาคม และ รฟท. ยกขึ้นมากล่าวอ้าง
อย่างไรก็ตามประเด็นที่ต้องพิจารณาติดตามคือก่อนหน้านี้ วันที่ 9 เม.ย.2564 ศาลปกครองกลางมีคำสั่ง “ยกคำของดหรือทุเลาการบังคับคดี” ในคดีหมายเลขดำที่ อ.410-412/2557 คดีหมายเลขแดงที่ อ.221-223 หรือคดีโฮปเวลล์ ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาไปแล้ว เมื่อวันที่ 22 เม.ย.2562 ให้กระทรวงคมนาคม และ รฟท. ปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ โดยจ่ายค่าชดเชย 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี ให้บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ภายใน 180 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด
นอกจากนี้ ศาลปกครองกลางยังให้เหตุผลว่า เมื่อศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อ.410-412/2557 คดีหมายเลขแดงที่ อ.221-223 โดยให้กระทรวงคมนาคม และ รฟท. ต้องปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการนั้น แม้ว่าต่อมากระทรวงคมนาคม และ รฟท. อ้างว่า อยู่ระหว่างดำเนินการทางศาล โดยกระทรวงคมนาคม และ รฟท. ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญผ่านผู้ตรวจการแผ่นดินว่า มติที่ประชุมใหญ่ของตุลาการในศาลปกครองสุงสุดครั้งที่ 18/2545 เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2545 ขัดต่อรัฐธรรมนูญและพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 หรือไม่ และ รฟท. ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองให้เพิกถอนทะเบียนบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด อีกทั้งกระทรวงคมนาคมและ รฟท. ได้ดำเนินการสอบสวนเพื่อเป็นการหาผู้รับผิดชอบในคดีนี้
อย่างไรก็ตาม ศาลปกครองกลางยังคงเห็นว่า กรณีดังกล่าว ไม่เป็นเหตุที่จะเข้าเงื่อนไขในการงดการบังคับคดี ตามระเบียบข้อ 131 แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2543 ทำให้การร้องขอทุเลาการบังคับคดีนั้น ไม่มีกฎหมายให้อำนาจศาลในการทุเลาการบังคับคดี และการจ่ายค่าชดเชย 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี ให้กับบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ล่าสุดมีรายงานออกมาว่าตัวเลขเงินต้นและดอกเบี้ยได้เพิ่มเป็นกว่า 2.5-2.6 หมื่นล้านบาทแล้วนั้น รัฐบาลจะยอมจบหรือจะยอมจ่ายเพื่อยื้อต่อโดยเสียดอกเบี้ยอีกวันละ 2.4 ล้านบาทเพื่อคดีนี้ ถึงแม้ว่าทางออกที่ดีที่สุดตอนนี้ คือการที่คู่พิพาททั้งรัฐและเอกชนหันหน้ามาคุยกัน หรือต้องหาคนมาเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาท ผ่อนหนักให้เป็นเบา ก่อนที่เรื่องราวจะยุ่งยากไปมากกว่านี้ ติดตามข่าวสารและความคืบหน้าเพิ่มเติมได้ที่ www.thac.or.th
สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจาก THAC ได้ที่ !