ความหมายของคำว่าอนุญาโตตุลาการ ตอนที่ 1
คำว่า อนุญาโตตุลาการนี้ สามารถตีความหมายออกได้เป็น 2 ความหมายคือ หมายถึงผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกลางเพื่อทำการชี้ขาดข้อพิพาทที่เกิดขึ้น ซึ่งทั่วไปแล้วอาจได้มีทั้งคนเดียวหรือหลายๆ คนก็ได้ ภาษาอังกฤษเรียกว่า “arbitrator“
แต่อีกความหมายนั้นไม่ได้พูดถึงผู้ที่เป็นคนกลางในการชี้ขาดอย่างข้อข้างต้นเลย แต่จะให้ความหมายไว้ว่าการจัดการเพื่อระงับข้อขัดแย้งกันด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง เพื่อไม่ต้องให้ข้อพิพาทไปถึงชั้นศาล โดยเรียกได้ว่า arbitration ซึ่งทุกวันนี้ไม่ได้มีการรับรองว่า “อนุญาโตตุลาการ” นั้นหมายความถึงการระงับข้อขัดแย้ง แต่จะยอมรับในความหมายที่ว่าเป็นการยอมรับ หรือการตกลงเพื่อตัดสินความขัดแย้งหรือข้อพิพาทโดยผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้น และต้องยอมรับในคำตัดสินที่มาจากบุคคลนั้น เปรียบได้เสมือนคนกลางนั่นเอง
ถึงแม้ว่าความหมายหรือคำนิยามของแต่ละที่แตกต่างกันนั้น แต่ทั่วๆ ไปแล้วการจัดการหรือการระงับความขัดแย้ง ข้อพิพาทของอนุญาโตตุลาการนั้นมีลักษณะความสำคัญที่คล้ายกันดังต่อไปนี้
- การเปิดให้อนุญาโตตุลาการเพื่อการระงับข้อขัดแย้งหรือข้อพิพาทนั้น มีความเป็นไปตามกฎหมายของแต่ละประเทศ จะสามารถทำได้ก็ต้องเป็นไปตามกฎเกณฑ์ของประเทศนั้นๆ
- สำหรับคนกลางที่เข้ามาทำการตัดสิน หรือชี้ขาดนั้นต้องไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในข้อพิพาท จะต้องเป็นคนนอกที่ได้รับการแต่งตั้งเข้ามาตามที่ผู้ขัดแย้งได้ทำการตกลงกัน เพื่อมาทำการชี้ขาดในข้อพิพาทเหล่านั้นเป็นเรื่องๆ
- ขอบเขตอำนาจที่อนุญาโตตุลาการจะทำการชี้ขาดนั้นต้องเป็นไปตามที่ฝ่ายในข้อพิพาทได้ตกลงกันไว้ ซึ่งจะกระทำเกินกว่านั้นไม่ได้ สำหรับขอบเขตของการทำสัญญาและการตกลงนั้นให้เป็นไปตามกฎหมายของแต่ละประเทศ
- ในการพิจารณานั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องอิงหลักกฎหมายอย่างเข้มงวด หรือเคร่งครัดอย่างเช่นในศาล เพราะการตั้งอนุญาโตตุลาการมานั้นเพื่อเป็นการลดความลำบาก และความยุ่งยากในการพิจารณา แต่อย่างไรก็ตามการตัดสินก็ยังต้องมีการฟังความหลายฝ่าย และตัดสิน หรือชี้ขาดตามหลักยุติธรรม
- สำหรับการชี้ขาดในรูปแบบเอกชน ตามกฎหมายแต่ละประเทศจะเป็นการเปิดโอกาสให้เอกชนอย่างเต็มที่ ในการทำความเข้าใจและตกลงกันในการดำเนินการพิจารณา โดยรัฐเองจะมีหน้าที่เพียงผู้ช่วยอนุญาโตตุลาการให้ดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ และจะพยายามไม่ข้องเกี่ยวกับหรือเข้าไปแทรกแซงอย่างแด็ดขาด หากไม่จำเป็น
- การดำเนินการ หรือการพิจารณาคดี หรือการชี้ขาดจากอนุญาโตตุลาการนั้น ไม่ได้เป็นการดำเนินการทางศาล ดังนั้นศาลจะเข้าไปมีส่วนหรือข้องเกี่ยวในกรณีที่จำเป็นอย่างเช่นการบังคับให้ทำตามคำชี้ขาดเท่านั้น