การบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอม ในกรณีคู่สัญญาไม่ปฏิบัติตามข้อสัญญา
การประนอมข้อพิพาท คือหนทางในการยุติความขัดแย้งยุคใหม่ ที่เข้ามาช่วยผสานความเข้าใจระหว่างบุคคลให้สามารถบรรลุความต้องการของทั้งสองฝ่าย ซึ่งปัจจัยที่ช่วยให้การระงับข้อพิพาทสำเร็จ คือ คู่พิพาทจะแต่งตั้งคนกลางขึ้นมาช่วยอำนวยความสะดวกและสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เพื่อหาทางออกที่น่าพึงพอใจให้กับทั้งสองฝั่ง โดยเราสามารถเรียกได้ว่า “การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท” ซึ่งหากทั้งสองสามารถตกลงได้ ขั้นตอนต่อไปคือการทำสัญญาประนีประนอม เพื่อบันทึกว่าทั้งสองฝ่ายได้สมัครใจยุติข้อพิพาทดังกล่าวแล้ว โดยไม่จำเป็นที่คนกลางจะต้องให้คำชี้ขาดว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องปฏิบัติอย่างไร หรือการหาข้อเท็จจริงแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม มีหลากหลายกรณีที่หลังมีการเซ็นสัญญาประนีประนอมแล้ว แต่คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญา ดังนั้นในบทความนี้จึงมากล่าวถึงความสำคัญของการทำสัญญาว่าทำไมถึงต้องมีสัญญาประนีประนอมหลังไกล่เกลี่ยสำเร็จ และรวมถึงแนวทางป้องกันการบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
ทำไมการประนอมข้อพิพาทต้องทำสัญญา
เนื่องด้วย การประนอมข้อพิพาทอย่างการไกล่เกลี่ยเป็นกระบวนการที่สามารถดำเนินการนอกศาลได้ โดยระหว่างที่ดำเนินการ ผู้ไกล่เกลี่ยจะต้องดำเนินการอย่างเป็นมืออาชีพ จะไม่มีการเปิดเผยข้อมูลต่างๆ ที่เกิดขึ้นหรือมีการเจรจากันต่อสาธารณชน จะมีเพียง 3 ฝ่าย คือ คู่พิพาทและผู้ประนอมข้อพิพาทที่ทราบรายละเอียดต่างๆ เท่านั้น ส่งผลให้เมื่อมีการตกลงได้แล้วว่าต้องการให้ข้อพิพาทยุติด้วยเงื่อนไขใดบ้าง กล่าวได้ว่าการไกล่เกลี่ยจะไม่ได้เป็นเพียงแค่การระงับข้อพิพาทอย่างเดียว แต่จำเป็นต้องมีสถานะของความเป็นสัญญาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยอธิบายได้ว่าการไกล่เกลี่ยหรือประนอมข้อพิพาทจะถือว่าสำเร็จก็ต่อเมื่อมีการเซ็นสัญญาประนีประนอม เพราะหากไม่มีสัญญาฉบับนี้ ก็จะนับเป็นสัญญาปากเปล่าที่ไม่มีผลทางกฎหมายนั่นเอง
การเขียนสัญญาประนีประนอมจึงทำหน้าที่เป็นการบันทึกแบบลายลักษณ์อักษรที่แสดงถึงเจตนารมณ์ว่าคู่พิพาททั้งสองได้ตกลงระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นผ่านสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยสัญญาประนีประนอมนับเป็นสัญญาต่างตอบแทน คือ เป็นนิติกรรมที่คู่สัญญาต่างฝ่ายต่างมีหน้าที่ต้องตอบแทนกันโดยกระทำหรือไม่กระทำอะไรบ้าง รวมถึงหากมีการละเมิดข้อตกลงจะมีการดำเนินการอะไรบ้าง ซึ่งการเขียนสัญญานั้นถือว่าสำคัญอย่างมาก เพราะการเขียนสัญญาเปรียบเสมือนเกราะป้องกันที่สำคัญในการรักษาผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย อีกทั้งสามารถใช้เป็นหลักฐานในการฟ้องร้องบังคับคดีได้ ป้องกันผู้ไกล่เกลี่ยที่อาจจะต้องเดินทางไปเบิกความต่อศาล ในกรณีที่มีข้อพิพาทจากการไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่เกิดขึ้นภายหลัง
อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีการทำสัญญาประนีประนอมหลังไกล่เกลี่ยเสร็จนั้น อาจมีคู่กรณีที่ไม่ยอมปฏิบัติตาม จนนำไปสู่การฟ้องร้องหรือการบังคับคดีได้ ซึ่งจะแตกต่างจากสัญญาประนีประนอมที่ทำขึ้นในชั้นศาล ที่จะมีการพิพากษาตามยอมขึ้น (อ่านเพิ่มเติมที่นี่) ดังนั้น มาดูกันเลยว่าปัญหาการบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความมีอะไรบ้าง
ปัญหาการบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า มีหลายกรณีที่คู่พิพาทได้ละเมิดสัญญาและไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญา จนทำให้คู่กรณีต้องไปฟ้องร้องต่อศาลเพื่อให้บังคับคดี ให้คู่พิพาทปฏิบัติตามสัญญา หากไม่ทำตามก็จะโดนแจ้งความดำเนินคดีต่อไป นอกจากนี้อีกหนึ่งปัญหาคือ ความไม่สมบูรณ์ของสัญญาประนีประนอม โดยปัญหาหลักๆ อาจเกิดขึ้นจากการขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกฎหมาย เช่น ขาดข้อความระบุถึงเจตนาให้ข้อพิพาทระงับไป การไกล่เกลี่ยในคดีอาญาที่ยอมความไม่ได้ สัญญาที่ขัดต่อหลักความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือคู่สัญญาที่ไม่มีอำนาจในการทำสัญญาซึ่งจะส่งผลให้สัญญาเป็นโมฆะหรือโมฆียะ (อ่านเพิ่มเติมที่นี่)
เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ การสรรหาผู้ประนอมข้อพิพาทที่มีความสามารถทั้งในเรื่องข้อพิพาทและข้อกฎหมายตั้งแต่แรก ก็จะลดความผิดพลาดจากกรณีสัญญาประนีประนอมไม่สมบูรณ์ได้ นอกจากนั้นควรมีการระบุแนวทางการระงับข้อพิพาทหลังจากคู่กรณีไม่ปฏิบัติตามสัญญาอย่างชัดเจน เช่น หากไม่ปฏิบัติตามสัญญาจะต้องนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการดำเนินคดีในศาล หรือการระงับข้อพิพาททางเลือกนอกศาลอย่างการอนุญาโตตุลาการ
สำหรับใครที่ต้องการระงับข้อพิพาททางเลือก ทั้งการเจรจาประนอมหนี้ การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท อนุญาโตตุลาการ รวมถึงการระงับข้อพิพาทออนไลน์ ตลอดจนการสรรหาผู้ประนอมข้อพิพาทที่มีองค์ความรู้ในข้อพิพาทเฉพาะเจาะจง ผ่านการอบรมในการไกล่เกลี่ย และรู้ข้อกฎหมายในเบื้องต้น ทางสถาบันอนุญาโตตุลาการ THAC มีความยินดีที่จะให้บริการแก่ทุกคนที่สนใจ สนใจรายละเอียด คลิก
เกี่ยวกับเรา
สถาบันอนุญาโตตุลาการ (Thailand Arbitration Center) หรือ THAC เป็นสถาบันฯ ที่ให้บริการด้านการอนุญาโตตุลาการ และการประนอมข้อพิพาทในระดับสากล ดำเนินการตั้งแต่ พ.ศ. 2558 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมระบบอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ และให้บริการด้านอนุญาโตตุลาการที่มีความเป็นอิสระและมีมาตรฐานสากล ด้วยประสบการณ์และความชำนาญทางวิชาชีพ จึงทำให้มั่นใจได้ว่าผู้มาใช้บริการจะได้รับบริการที่ถูกต้องรวดเร็ว อีกทั้ง THAC ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ช่วยให้สะดวกสบายในการเดินทาง และมีอัตราค่าบริการที่ต่ำกว่า ช่วยให้ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย