
รวมเรื่องควรรู้เกี่ยวกับการฟ้องหย่า ทั้งเหตุแห่งการฟ้องและการแบ่งทรัพย์สิน

โดยทั่วไป การหย่าหรือการสิ้นสุดการเป็นสามีภรรยา สามารถทำการจดทะเบียนหย่าต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานเขต หรือที่ว่าการอำเภอได้ทันที อย่างไรก็ตาม มีหลายกรณีที่ระหว่างคู่สามีภรรยา อาจมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยินยอมหย่า จนอาจนำไปสู่การฟ้องหย่า เพื่อยุติการเป็นสามีภรรยาตามกฎหมาย
การฟ้องหย่า
การฟ้องหย่า คือ กระบวนการทางกฎหมายที่คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกันยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้สิ้นสุดความสัมพันธ์ทางสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งการฟ้องหย่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีเหตุผลตามที่กฎหมายกำหนดตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ป.ป.พ.) มาตรา 1516 เท่านั้น เช่น การมีชู้ การทอดทิ้ง การทำร้ายร่างกาย หรือความตกลงร่วมกันของทั้งสองฝ่าย เป็นต้น โดยจะใช้เหตุผลอื่นๆ ในการฟ้องหย่าสามีหรือภรรยาไม่ได้
เหตุแห่งการฟ้องหย่า 10 ประการ
เหตุแห่งการฟ้องหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 มีด้วยกัน 10 ประการ ได้แก่
1.คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี
เช่น การมีชู้หรือเป็นชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่น
2. คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งประพฤติชั่ว
ไม่ว่าความประพฤติชั่วนั้นจะเป็นความผิดอาญาหรือไม่ หากเป็นเหตุให้อีกฝ่าย ได้รับความอับอาย ได้รับความดูถูกเกลียดชัง ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร
3. คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำร้าย หรือทรมานร่างกายหรือจิตใจอีกฝ่าย
หรือหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งสามารถฟ้องหย่าได้หากเป็นการร้ายแรง
4. คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกิน 1 ปี
อีกฝ่ายสามารถฟ้องหย่าได้ โดยแบ่งได้อีก 2 กรณี คือ
4.1 สามีหรือภริยาต้องคำพิพากษาให้จำคุก และถูกจำคุกเป็นเวลาเกิน 1 ปี และการเป็นสามีภริยากันต่อไปจะเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
4.2 สามีและภริยาสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกิน3 ปี หรือแยกกันอยู่ตามคำสั่งของศาล ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถฟ้องหย่าได้
5. คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ
ย้ายจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่เดิมนานเกิน 3 ปี โดยไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าเป็นอย่างไร อีกฝ่ายหนึ่งสามารถดำเนินคดีฟ้องหย่าได้
6. คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่งตามสมควร
หรือทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรง จนถึงขั้นที่อีกฝ่ายได้รับความเดือดร้อน จึงสามารถยื่นฟ้องหย่าได้
7. คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งวิกลจริตตลอดมาเกิน 3 ปี
โดยความวิกลจริตนั้นมีลักษณะยากจะหายได้ กับทั้งความวิกลจริตถึงขนาดที่จะทนอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาต่อไปไม่ได้ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
8. คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดทัณฑ์บนที่ทำให้ไว้เป็นหนังสือในเรื่องความประพฤติ
หากกรณีดังกล่าวเกิดขึ้น สามารถฟ้องหย่าได้
9. คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นโรคติดต่อร้ายแรง
โดยโรคดังกล่าวอาจเป็นภัยแก่อีกฝ่ายหนึ่ง และเป็นโรคที่เรื้อรังที่ไม่มีทางหายได้ อีกฝ่ายหนึ่งสามารถฟ้องหย่าได้
10. คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีสภาพแห่งกายทำให้สามีหรือภริยานั้นไม่อาจร่วมประเวณีได้ตลอดกาล
กรณีนี้ อีกฝ่ายหนึ่งสามารถฟ้องหย่าได้
การฟ้องหย่า เรียกร้องอะไรได้บ้าง
![[THAC] SEO DEC C04 2 1200x628](https://thac.or.th/wp-content/uploads/2021/01/THAC-SEO-DEC-C04-2_1200x628-1024x628.jpg)
ในการฟ้องหย่าสามีหรือฟ้องหย่าภรรยา ไม่เพียงเป็นกระบวนการที่ช่วยให้สามารถหย่าขาดออกจากกัน แต่ยังสามารถเรียกร้องสิทธิต่างๆ เพิ่มเติมจากอีกฝ่ายได้ด้วยเช่นกัน ดังนี้
1. เรียกร้องค่าเลี้ยงชีพ
ตามกฎหมายมาตรา 1526 ระบุว่า ในกรณีที่การหย่าเกิดจากความผิดของคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และส่งผลให้อีกฝ่ายต้องยากจนลงเนื่องจากขาดรายได้จากการงานที่เคยทำระหว่างสมรส สามารถเรียกร้องค่าเลี้ยงชีพได้ โดยศาลจะพิจารณาจาก ความสามารถในการจ่ายของฝ่ายที่ต้องรับผิด ฐานะทางการเงินของฝ่ายที่จะรับค่าเลี้ยงชีพ และความจำเป็นในการดำรงชีพ
2. เรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร
ในกรณีที่คู่สมรสมีบุตรด้วยกัน ฝ่ายที่เป็นผู้ดูแลบุตรสามารถเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรได้จนกว่าบุตรจะบรรลุนิติภาวะหรือมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ โดยสามารถเรียกร้องค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้แก่
- ค่าอาหารและเครื่องอุปโภคบริโภค
- ค่าการศึกษาและกิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้
- ค่าที่พักอาศัย
- ค่ารักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ
- ค่าใช้จ่ายจำเป็นอื่นๆ ในการดูแลบุตร
3. เรียกร้องการแบ่งสินสมรส
เมื่อมีการฟ้องหย่าสามารถขอแบ่งสินสมรสได้โดยหลักการสำคัญคือ ทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างสมรสถือเป็น “สินสมรส” ที่ต้องแบ่งเท่ากัน หากมีการขายหรือจำหน่ายสินสมรสโดยไม่ได้รับความยินยอมสามารถฟ้องเรียกค่าเสียหายได้ และการแบ่งสินสมรสต้องคำนึงถึงความเป็นธรรมและสภาพความเป็นจริง
4. เรียกร้องค่าทดแทน
ในกรณีที่มีการฟ้องหย่าด้วยเหตุการมีชู้ สามารถเรียกร้องค่าทดแทนได้ใน 2 กรณี
- กรณียังไม่ฟ้องหย่า – คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีชู้ สามารถเรียกค่าทดแทนจากผู้เป็นชู้ได้เท่านั้น
- กรณีฟ้องหย่า – คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีชู้ สามารถเรียกค่าทดแทนได้ทั้งจากคู่สมรสและจากชู้
ท้ายที่สุดเมื่อศาลพิพากษาให้หย่า ผลที่ตามมาก็คือ การสิ้นสุดความเป็นสามีภรรยา ดำเนินการแบ่งสินสมรสหลังหย่า และหากเป็นคดีครอบครัวที่มีบุตรร่วมด้วย ศาลอาจมีคำสั่งเกี่ยวกับการอุปการะเลี้ยงดูบุตร การจ่ายค่าเลี้ยงดู และการเยี่ยมเยียน
ทั้งนี้ ในการแบ่งสินสมรส คู่สมรสสามารถประนีประนอมตกลงกันเรื่องต่างๆ ได้ เช่น การแบ่งสินสมรส การเลี้ยงดูบุตร โดยทำเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ หรือเพื่อให้กระบวนการต่างๆ ดำเนินไปอย่างราบรื่น ก็ควรปรึกษาทนายความหรืออนุญาโตตุลาการผู้มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายครอบครัว โดยทาง THAC ยินดีให้บริการคำแนะนำ รวมถึงบริการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทคดีครอบครัวจากประสบการณ์และความชำนาญ
เกี่ยวกับ THAC
สถาบันอนุญาโตตุลาการ (Thailand Arbitration Center) หรือ THAC เป็นสถาบันฯ ที่ให้บริการด้านการอนุญาโตตุลาการ และการประนอมข้อพิพาทในระดับสากล ดำเนินการตั้งแต่ พ.ศ. 2558 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศและภายในประเทศ และให้บริการด้านอนุญาโตตุลาการที่มีความเป็นอิสระและมีมาตรฐานสากล ด้วยประสบการณ์และความชำนาญทางวิชาชีพ จึงทำให้มั่นใจได้ว่าผู้มาใช้บริการจะได้รับบริการที่ถูกต้องรวดเร็ว
สนใจติดต่อ THAC ได้ทาง
อีเมล: [email protected]