Future Group เตรียมคำร้องต่อศาลชั้นสูง ณ กรุงเดลี หวังยกเลิกคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ หลังอ้างว่ามีความผิดปกติในการพิจารณาของ Amazon
เมื่อวันจันทร์ที่ 3 มกราคม ที่ผ่านมา บริษัท Future Group ได้ยื่นคำร้องขอจากศาลชั้นสูง ณ กรุงเดลี ประเทศอินเดีย เพื่อส่งคำขอยุติการระงับข้อพิพาทดังกล่าว ที่อยู่ในกระบวนการพิจารณาคดีของคณะอนุญาโตตุลาการ ระหว่างบริษัท Amazon เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) ชื่อดังจากสหรัฐอเมริกา กับ Reliance Industries กลุ่มบริษัทข้ามชาติของอินเดียชื่อดัง หลัง Future Group อ้างว่าพบความผิดปกติในรายละเอียดของกระบวนการอนุญาโตตุลาการ และเตรียมดำเนินการส่วนอื่นๆในชั้นศาลต่อไป
Amit Bansal ผู้พิพากษาของศาลชั้นสูงประจำกรุงเดลีนั้น เปิดเผยว่าจะมีการยื่นคำร้องโดยบริษัท Future Coupons Pvt Ltd (FCPL) และ Future Retail Ltd (FRL) ซึ่งอยู่ในเครือของ Future Group ในวันอังคารนี้ แม้ว่าข้อพิพาทระหว่างบริษัท Amazon และเครือ Future Group จะยังติดอยู่ในกระบวนการอนุญาโตตุลาการของประเทศสิงค์โปร ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมาก็ตาม โดยข้อพิพาทดังกล่าวนั้นสืบเนื่องจาก Amazon นั้นอ้างว่าบริษัท Future Retail Ltd (FRL) ได้ละเมิดสัญญาของพวกเขาโดยการขายทรัพย์สินให้กับ Reliance Industries ในราคาที่ต่ำกว่า 245 ล้านรูปี (ราว 1 หมื่นล้านบาท)
ทั้งนี้ ทนายชั้นอาวุโส Mukul Rohatgi ซึ่งเป็นตัวแทนในนามของ FCPL ได้เปิดเผยข้อมูลต่อศาลขั้นสูงถึงการดำเนินการของคณะอนุญาโตตุลาการโดยอ้างว่าพวกเขากำลังประพฤติตัวในทางที่ผิด โดยไม่ได้ตัดสินประเด็น และรายละเอียดต่างๆที่เป็นไปตามกระบวนการ โดย Rohatgi แย้งว่า การดำเนินการที่ผ่านมานั้นเป็นรูปแบบของการพิจารณาคดีที่ผิดกฎหมาย (Pursuit in illegality) และควรจะยุติการดำเนินการผ่านการระงับข้อพิพาททางเลือก และให้ความสำคัญกับการดำเนินการภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานที่ต่อต้านการผูกขาดจากองค์กรธุรกิจข้ามชาติ
Mukul Rohatgi แจ้งต่อศาลชั้นสูงว่าในเดือนธันวาคมปีที่แล้วคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าของอินเดีย (Competition Commission of India: CCI) ระงับการอนุมัติข้อตกลงกว่าสองปีจากกรณี Amazon ซื้อหุ้นกว่า 49% จาก FCPL ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนของ FRL และยังกำหนดค่าปรับกว่า 202 สิบล้านรูปี (ราว 9 ล้านบาท) Rohatgi ยังเสริมอีกด้วยว่าข้อตกลงดังกล่าวถือเป็นโมฆะ อันเนื่องมาจากคำสั่งของ CCI ที่ส่งผลให้ข้อพิพาทระหว่าง Amazon และ Reliance Industries นั้นไม่สามารถเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการได้
ยิ่งไปกว่านั้น ทนายชั้นอาวุโสอีกท่านอย่าง Harish Salve ซึ่งเป็นตัวแทนของ FRL ได้ยื่นคำร้องไปนั้น ศาลชั้นสูงมีกำหนดการจะรับฟังคดีในตั้งแต่วันที่ 5-7 มกราคมนี้ จากเดิมที่เป็นกำหนดการยื่นคำร้องให้ยุติและเลื่อนการพิจารณาคดีในประเด็นอื่นๆออกไป นอกจากนี้ เขายังอ้างว่าอีกว่าการระงับข้อพิพาทดังกล่าวนั้นคณะอนุญาโตตุลาการได้แสดงถึงความไม่คำนึงถึงกฎหมายอินเดีย และเน้นว่าทีมกฎหมายครึ่งหนึ่งล้มป่วยด้วยโรคโควิด-19 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการพิจารณาคดีที่ลดทอนลง
อย่างไรก็ตาม ทนายความจากฝั่งของ Amazon ทั้ง Gopal Subramanium และ Amit Sibal โต้แย้งว่ากระบวนการสำเร็จลุล่วงไปกว่าร้อยละ 80 แล้ว และคาดว่าในวันที่ 5-7 มกราคมนี้ จะได้ข้อสรุปของคดีที่เข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการเมื่อตุลาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ทั้ง Subramanium และ Sibal เสริมอีกด้วยว่าทาง Amazon นั้นเคารพในการตัดสินของศาลที่จะมีการเริ่มพิจารณาในวันที่ 8 มกราคมนี้ แต่กระนั้น Subramanium ทิ้งท้ายไว้ว่ากล่าวว่าคำสั่งอนุญาโตตุลาการจะไม่มีเหตุที่ต้องเปลี่ยนแปลงคำชี้ขาด แม้ว่าข้อตกลงหลักจะสิ้นสุดลง และ FCPL ได้ยื่นคำร้องดังกล่าวต่อศาลชั้นสูง และถูกระงับโดย CCI ก็ตาม
Amazon คัดค้านแผนการค้าร่วมกัน โดยกล่าวหาว่า Future Group ละเมิดข้อตกลงการลงทุนปี 2019 หรือในชื่อโครงการ “Future Coupons” ที่ดำเนินธุรกิจด้านการตลาดและการจัดจำหน่ายบัตรของขวัญ บัตรสะสมคะแนน และโปรแกรมรางวัลอื่นๆ ให้กับลูกค้าขององค์กร พร้อมกันนี้ยังมีจุดที่น่าสนใจอีกจุดในช่วงเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ศาลชั้นสูงปฏิเสธที่จะแทรกแซงการดำเนินการของคณะอนุญาโตตุลาการด้วยการกดดันให้มีการออกคำชี้ขาดโดยเร็ว (Emergency Award) ซึ่งส่งผลให้ Future Group ไม่สามารถดำเนินการกับ Reliance ได้
ทั้งนี้ ถือว่ามีหลายประเด็นที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้ทางกฎหมายระหว่าง Amazon – กับกลุ่ม Future ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาต่อไป เห็นได้ชัดว่าข้อพิพาทนี้มีความทับซ้อนกันในรายละเอียดของคดีที่อยู่ในกระบวนการพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการ และความพยายามในการดึงประเด็นดังกล่าวมาสู่ศาลชั้นสูงในกรุงเดลี ซึ่งอาจสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบที่แตกต่างกันออกไป
เป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่งว่า “ใคร” จะเป็นคนได้ข้อพิพาทเหล่านี้ไปพิจารณาคำชี้ขาดอย่างเบ็ดเสร็จระหว่างศาลชั้นสูงกับ คณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ แต่สิ่งที่แน่นอนคือผลของคำตัดสินระหว่างสองหน่วยงานนั้นจะต้องแตกต่างออกไปอย่างแน่นอน