การดำเนินคดี vs อนุญาโตตุลาการ ต่างกันอย่างไร ควรเลือกกระบวนการไหน
เมื่อเกิดการอยู่ร่วมกันในสังคม การทำงานร่วมกัน หรือตกลงทำธุรกิจระหว่างกัน ในบางครั้งฝ่ายหนึ่งอาจมีมุมมองต่างจากอีกฝ่าย หรือมีการกระทำใดๆ ที่ไม่ตรงตามสัญญาข้อตกลง จนก่อให้เกิด “ข้อพิพาท” หรือก็คือ กรณีที่บุคคลตั้งแต่สองฝ่ายขึ้นไปมีความเห็นต่างกันต่อประเด็นหรือเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จนกระทั่งเกิดการเรียกร้องให้อีกฝ่ายกระทำการบางอย่างผ่าน “การดำเนินคดี” หรือการระงับข้อพิพาททางเลือกอย่าง “อนุญาโตตุลาการ”
ทั้งนี้ การดำเนินคดีและการอนุญาโตฯ มีข้อแตกต่างกันหลายประการ โดยในวันนี้ THAC จะมาอธิบายกระบวนการทั้งสองให้ทุกท่านทราบ และสามารถตัดสินใจเลือกได้ในกรณีที่เกิดข้อพิพาททางกฎหมาย
การดำเนินคดี คืออะไร
การดำเนินคดี (Litigation) คือ กระบวนการทางกฎหมายที่จะเริ่มต้นขึ้นเมื่อมีการยื่นฟ้องร้องคดีต่อศาล โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้ “สิทธิทางศาล” ในการบังคับให้ฝ่ายที่ถูกฟ้องร้องกระทำการบางอย่าง หรือยอมรับสภาพหรือสถานะอย่างใดอย่างหนึ่งตามคำชี้ขาด เช่น จ่ายหนี้ค้างชำระตามสัญญา บังคับชดใช้ค่าเสียหาย บังคับโทษจำคุก ฯลฯ ทั้งนี้ การดำเนินคดีอาจเป็นได้ทั้งคดีแพ่งและอาญา ซึ่งการต่อสู้คดีในชั้นศาลเป็นการโต้แย้ง แสดงหลักฐาน พยาน ของคู่พิพาททั้งสองฝ่าย คือ
- โจทก์ คือ ผู้ที่ยื่นฟ้องคดีต่อศาล หรือ “ผู้กล่าวหา”
- จำเลย คือ ผู้ที่ถูกฟ้องคดีต่อศาล หรือ “ผู้ต้องหา”
ทั้งนี้ การดำเนินคดีในชั้นศาลมีขั้นตอนที่หลากหลาย เริ่มต้นตั้งแต่การยื่นฟ้องร้อง การออกหมายเรียก การรับทราบข้อกล่าวหา นัดสอบคำให้การและตรวจพยานหลักฐาน สืบพยานโจทก์และจำเลย และนัดไต่สวน ก่อนศาลจะตัดสินคำพิพากษา ซึ่งจะเปิดให้สาธารณะเข้ารับฟังคำพิพากษาได้ อย่างไรก็ตาม หากโจทก์หรือจำเลยตัดสินใจยื่นอุทธรณ์เพิ่มเติม อาจส่งผลให้คดีดังกล่าวต้องดำเนินการต่อไปอีก
อนุญาโตตุลาการ คืออะไร
อนุญาโตตุลาการ (Arbitration) คือ กระบวนการระงับข้อพิพาททางเลือกรูปแบบหนึ่ง โดยคู่พิพาทจะตั้งแต่บุคคลที่ 3 เพียงคนเดียวหรือเป็นคณะ ที่มีความเป็นกลางเข้ามาเกี่ยวข้อง บุคคลนี้จะทำหน้าที่คล้ายกับผู้พิพากษาในชั้นศาล คือ พิจารณาคดี และวินิจฉัยชี้ขาด และคู่พิพาทต้องยินยอมที่จะปฏิบัติตามคำชี้ขาดนั้น ซึ่งมีข้อผูกพัน ทางกฎหมาย
การเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการ ต้องอาศัยความยินยอมของคู่พิพาททั้งสองฝ่าย ผ่านการทำหนังสือสัญญาหรือการเห็นชอบร่วมกัน โดยทั่วไป การอนุญาโตตุลาการสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ช่วง คือ
1. อนุญาโตตุลาการนอกชั้นศาล
คือ กรณีที่คู่พิพาทได้ตกลงร่วมกันว่าจะใช้การอนุญาโตตุลาการเพื่อพิจารณาคำชี้ขาด โดยไม่ได้ฟ้องคดีต่อศาล โดยเป็นไปตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 และข้อบังคับของสถาบันอนุญาโตตุลาการหรือสำนักระงับข้อพิพาทต่างๆ ซึ่งอาจเป็นการระบุเอาไว้ในสัญญาระหว่างกัน อย่างในสัญญาการว่าจ้าง สัญญากู้ยืมเงิน เป็นต้น หรือการตกลงกันหลังเกิดข้อพิพาทก็ได้เช่นกัน
2. อนุญาโตตุลาการในชั้นศาล
คือ กรณีที่คู่พิพาทที่อยู่ระหว่างดำเนินคดีในศาลตกลงตัดสินข้อฟ้องร้องด้วยอนุญาโตตุลาการแทน โดยได้รับความเห็นชอบจากศาล ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๑๐-๒๒๒ ด้วยเหตุนี้ ในคดีแพ่งส่วนใหญ่ ศาลจึงแนะนำให้คู่พิพาทไกล่เกลี่ยด้วยอนุญาโตตุลาการ เพื่อเป็นการลดภาระและจำนวนคดีในชั้นศาลอีกด้วย
อนุญาโตตุลาการ vs การดำเนินคดี ข้อแตกต่างสำคัญควรรู้
เมื่อพูดถึงหัวข้อ “อนุญาโตตุลาการ vs การดำเนินคดี” แน่นอนว่าถึงจะเป็นกระบวนการทางกฎหมายเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันหลายประการ โดยมีปัจจัยสำคัญที่แตกต่างกัน ดังนี้
การเข้าสู่กระบวนการ
การดำเนินคดี – การฟ้องร้องต่อศาลนั้นสามารถทำได้โดยไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากคู่กรณีอีกฝ่าย เมื่อเกิดข้อพิพาทฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถนำคดีขึ้นสู่ศาลได้ทันที
การอนุญาโตตุลาการ – การอนุญาโตตุลาการต้องอาศัยความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย โดยมีการทำ “สัญญาอนุญาโตตุลาการ” หรือ “Arbitration Agreement” ซึ่งระบุว่าจะใช้วิธีนี้ในการระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นหรืออาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยไม่จำเป็นต้องระบุตัวอนุญาโตตุลาการในขณะนั้น
ความสะดวกและรวดเร็ว
การดำเนินคดี – การพิจารณาคดีในศาลมักใช้เวลานานและมีขั้นตอนซับซ้อน รวมถึงการอุทธรณ์และฎีกาที่อาจยืดเยื้อคดี ตั้งแต่เริ่มต้นฟ้องร้องไปจนถึงการตัดสินคำชี้ขาด อาจใช้เวลานานตั้งแต่ 1 – 2 ปีเลยทีเดียว
การอนุญาโตตุลาการ – การอนุญาโตตุลาการมีความรวดเร็วและยืดหยุ่นกว่า โดยอนุญาโตตุลาการคนกลางมักเป็นผู้เชี่ยวชาญในประเด็นพิพาทนั้นๆ ทำให้การพิจารณาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อมีคำชี้ขาด ข้อพิพาทจะยุติทันที โดยทั่วไปอาจใช้เวลาเพียง 1 – 2 สัปดาห์เท่านั้น
ความยุ่งยากและความซับซ้อนของคดี
การดำเนินคดี – ในศาล แน่นอนว่าคู่ความไม่สามารถเลือกผู้พิพากษาได้ ซึ่งอาจไม่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านหรือในข้อพิพาทนั้นๆ ทำให้ต้องพึ่งพาพยานหลักฐาน ผู้เชี่ยวชาญ และความสามารถการว่าความของทนายความเป็นหลัก ซึ่งอาจทำให้เกิดความล่าช้าได้นั่นเอง
การอนุญาโตตุลาการ – โดยหลักคู่พิพาทสามารถตกลงเลือกอนุญาโตตุลาการร่วมกันได้ จึงสามารถเลือกบุคคลที่มีความรู้หรือเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องที่พิพาท ทำให้สามารถทำความเข้าใจสถานการณ์และหลักฐานได้รวดเร็ว ส่งผลให้การพิจารณาข้อพิพาทมีประสิทธิภาพและยุติธรรม
การเก็บรักษาความลับ
การดำเนินคดี – การพิจารณาคดีในศาลนั้นเป็นกระบวนการที่ต้องทำโดยเปิดเผย บุคคลภายนอกสามารถรับรู้ได้ โดยนับรวมไปถึงข้อมูลส่วนตัวบางอย่างของคู่พิพาท รายละเอียดการดำเนินธุรกิจ และข้อมูลอื่นๆ ที่มีความอ่อนไหว ซึ่งศาลจำเป็นต้องใช้ในการพิจารณาคดี
การอนุญาโตตุลาการ – การอนุญาโตตุลาการดำเนินการทั้งหมดเป็นความลับระหว่างคู่พิพาท โดยบุคคลภายนอกไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมหรือรับรู้ข้อมูล ช่วยปกป้องความลับและภาพลักษณ์ทางธุรกิจได้ดีกว่า
การรักษาความสัมพันธ์ระหว่างคู่พิพาท
การดำเนินคดี – สืบเนื่องจากการกระบวนการของศาลที่ใช้เวลานานและต้องเปิดเผยข้อมูลต่างๆ อาจส่งผลเสียต่อโอกาสทางธุรกิจและความสัมพันธ์ระหว่างคู่พิพาท จนไม่สามารถรักษาความสัมพันธ์ระหว่างกันได้ในที่สุด
การอนุญาโตตุลาการ – การอนุญาโตตุลาการใช้เวลาน้อยกว่า ไม่เปิดเผยความลับ มีความยืดหยุ่นและเป็นกันเองมากกว่า ซึ่งเอื้อต่อการรักษาความสัมพันธ์ทางธุรกิจในอนาคต
หากกล่าวโดยสรุป การอนุญาโตตุลาการเป็นวิธีจัดการข้อขัดแย้งที่ใช้เวลาน้อยกว่าการดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม ด้วยเหตุผลหลักคือ กระบวนการอนุญาโตตุลาการมีความยืดหยุ่นและไม่ซับซ้อน แต่ยังคงให้โอกาสคู่กรณีทั้งสองฝ่ายนำเสนอหลักฐานได้อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้การอนุญาโตตุลาการเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทโดยไม่ต้องใช้เวลานานเหมือนการฟ้องร้องในศาล
โดยทางสถาบันอนุญาโตตุลาการ (THAC) มีบริการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทซึ่งเป็นกระบวนการยุติข้อพิพาทนอกศาล สามารถช่วยท่านยุติข้อขัดแย้ง และช่วยแนะแนวทางข้อตกลงที่ยุติธรรมกับคู่พิพาท สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
เกี่ยวกับ THAC
สถาบันอนุญาโตตุลาการ (Thailand Arbitration Center) หรือ THAC เป็นสถาบันฯ ที่ให้บริการด้านการอนุญาโตตุลาการ และการประนอมข้อพิพาทในระดับสากล ดำเนินการตั้งแต่ พ.ศ. 2558 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมระบบอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ และให้บริการด้านอนุญาโตตุลาการที่มีความเป็นอิสระและมีมาตรฐานสากล ด้วยประสบการณ์และความชำนาญทางวิชาชีพ จึงทำให้มั่นใจได้ว่าผู้มาใช้บริการจะได้รับบริการที่ถูกต้องรวดเร็ว อีกทั้ง THAC ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ช่วยให้สะดวกสบายในการเดินทาง และมีอัตราค่าบริการที่ต่ำกว่า ช่วยให้ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย
สนใจติดต่อ THAC ได้ทาง
อีเมล: [email protected]