“ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย” ตั้งข้อสังเกตุปลดล็อกแบนจาก WADA อาจะไม่ง่ายอย่างที่คิด
ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายรายหนึ่ง ได้ออกมาตั้งข้อสังเกตจากการตรวจสอบพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ ควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ. 2555 พ.ศ. 2564 ว่ายังมีอีก 2 มาตราสำคัญที่ยังเสี่ยงกับการปลดล็อกโทษแบนของไทย 2 ประการคือ
ประการแรก มาตรา 29 ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ WADA ลงโทษแบนประเทศไทยเกี่ยวกับเรื่องการเข้าตรวจสารต้องห้ามในนักกีฬา ที่แก้ไขเป็นการเข้าตรวจ “ให้กระทำระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก เว้นแต่มีเหตุอันควรสงสัยว่านักกีฬามีการใช้สารต้องห้าม หรือวิธีการต้องห้ามและหากปล่อยเนิ่นช้าจะกระทบต่อกระบวนการในการตรวจสอบ ให้เข้าไปตรวจหา สารต้องห้ามหรือวิธีการต้องห้ามในเวลากลางคืนก็ได้” ซึ่งเดิมทีปี 2555 มาตรา 29 (1) ระบุว่า ให้ตรวจหลังพระอาทิตย์ตกไม่ได้ ข้อนี้หากเราจะผ่อนผันให้เข้าตรวจได้เว้นแต่มีเหตุจำเป็น ซึ่งไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ WADA ต้องการให้เปลี่ยน และไม่เป็นไปตามกติกาสากลในวงการกีฬาโลกทำกันอยู่
โดยปกติที่ปฏิบัติกันอยู่ในระดับสากล คือ ยึดตาม Athlete Whereabouts หรือ การแจ้งที่อยู่ สถานที่ฝึกซ้อม วัน-เวลา ชัดเจนไว้ในแอพพลิเคชั่นของ WADA นักกีฬาจะได้รับยูสเซอร์ และพาสเวิร์ด จากสหพันธ์กีฬานานาชาตินั้นๆ ซึ่งเจ้าที่หน้าจะส่งทีมจู่โจมตรวจสารต้องห้ามโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า และทางประเทศไทยเคยมีกรณีว่าเจ้าหน้าที่ WADA มาตรวจนักกีฬาไทยแล้วนักกีฬาบ่ายเบี่ยงไม่ปวดปัสสาวะ จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน และกฎหมายไทยคุ้มครองไม่สามารถตรวจได้
ส่วนอีกมาตราที่ไม่เป็นไปตามที่ WADA สั่งการมาคือ มาตรา 18 ระบุว่า “ให้จัดตั้งสำนักงานควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬาเป็นหน่วยงานในการกีฬาแห่งประเทศไทย ที่มีความเป็นอิสระในการปฏิบัติงาน” ซึ่งเดิมการทำงานของสำนักงานควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา อยู่ในโครงสร้างของ กกท. และ WADA ต้องการให้แยกเป็นองค์กรอิสระตัดขาดจากหน่วยงานรัฐขึ้นตรงกับวาดา
อ่านข่าวเก่าเหตุการณ์ ประเทศไทยถูกแบนธงชาติ (1)
อ่านข่าวเก่าเหตุการณ์ ประเทศไทยถูกแบนธงชาติ (2)
อ่านข่าวเก่าเหตุการณ์ ประเทศไทยถูกแบนธงชาติ (3)
ซึ่งขณะนี้ทาง “บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักดิ์ ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) แจ้งว่ามีการทำหนังสือแจ้งไปยังองค์การต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก (WADA) ให้ทราบว่าไทยได้แก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องแล้ว เพื่อให้ปลดล็อกโทษแบนทันที ในเรื่องการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ และสำหรับเรื่องการห้ามใช้ธงชาติไทยในเกมระดับนานาชาติ หากการเจรจาไม่เป็นผล จะทำให้ไม่สามารถใช้ธงชาติไทย ได้ในศึกเอเชี่ยนเกมส์ 2022 ที่ประเทศจีน แต่หากการอุทธรณ์กับวาดา ไม่เป็นผลคงจะต้องร้องไปยังศาลอนุญาโตตุลาการการกีฬา (CAS) เพื่อขอให้พิจารณาลดบทลงโทษทั้งหมดต่อไปนั้น
ซึ่งหากการพิจารณาของวาดา เรื่องการปลดโทษแบนของไทยไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวังกันไว้ WADA ก็จะยึดโทษแบนที่มีคำสั่งไว้เพราะคำสั่งแบน 1 ปี จะไปสิ้นสุดวันที่ 7 ต.ค.65 นั่นหมายความว่า เราต้องกลับมาแก้ไขอีกรอบ
“เปลี่ยนทุกความขัดแย้งให้เป็นเรื่องง่าย”
สถาบันอนุญาโตตุลาการ (THAC)
Tel. : 02-018-1615
website : www.thac.or.th
Email : [email protected]