
คดีปกครองคืออะไร มีกี่ประเภท ฟ้องร้องต่อศาลอย่างไร

ความขัดแย้ง ความเห็นที่ไม่ตรงกัน หรือการทำผิดสัญญาล้วนส่งผลให้เกิด “ข้อพิพาท” ซึ่งนอกจากการทุ่มเถียงแล้ว ข้อพิพาทเหล่านี้ยังมีผลทางกฎหมาย และก่อให้เกิดการดำเนินการฟ้องร้องต่อศาล โดยรูปคดีที่มักเกิดขึ้นนั้นได้แก่ คดีแพ่ง คดีอาญา และอีกหนึ่งรูปแบบคือ “คดีปกครอง” ที่ในบทความนี้ จะมาอธิบายเพิ่มเติมว่า คดีปกครองคืออะไร มีกี่ประเภท การดำเนินการฟ้องร้องเป็นอย่างไร แล้วสามารถไกล่เกลี่ยหรือประนีประนอมได้อย่างไร
คดีปกครองคืออะไร
คดีปกครอง คือ ข้อพิพาทระหว่าง “ประชาชน” กับ “หน่วยงานรัฐ” หรือ “เจ้าหน้าที่รัฐ” โดยที่ฝ่ายรัฐได้กระทำการบางอย่างที่ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อาทิ การออกกฎข้อบังคับที่ไม่เป็นธรรม การเพิกถอนใบอนุญาตโดยมิชอบ การไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ หรือการใช้อำนาจโดยมิชอบ ซึ่งอาจเป็นข้อพิพาทของหน่วยงานทางปกครอง เจ้าหน้าที่ของรัฐกับเอกชน หรือหน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วยกันเองก็ได้ นอกจากนี้ การฟ้องร้องคดีปกครองยังมีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองสิทธิของประชาชนและรักษาความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดิน
ตัวอย่างสถานการณ์ที่อาจเป็นคดีปกครอง
- เจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับสินบนเพื่อแลกกับการอนุมัติใบอนุญาต
- หน่วยงานรัฐออกกฎหมายที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
- เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมประชาชนโดยไม่มีหมายจับ
- หน่วยงานรัฐเวนคืนที่ดินโดยไม่จ่ายค่าทดแทน
- โรงเรียนรัฐบาลไล่นักเรียนออกโดยไม่เป็นธรรม
พูดได้ว่า คดีปกครองมีลักษณะพิเศษที่ต่างจากคดีแพ่งและคดีอาญา เนื่องจากเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจรัฐและการบริหารราชการแผ่นดิน ดังนั้น การพิจารณาคดีจึงต้องคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะควบคู่ไปกับการคุ้มครองสิทธิของเอกชน ซึ่งศาลมีบทบาทสำคัญในการแสวงหาข้อเท็จจริง
ประเภทของคดีปกครอง
หากสงสัยว่าคดีปกครอง มีอะไรบ้าง โดยตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 คดีปกครองสามารถแบ่งออกเป็น 6 ประเภท ดังนี้
1. คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำฝ่ายเดียวของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ยกตัวอย่างเช่น
- การออกกฎหมาย ข้อบังคับ คำสั่ง ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายอื่นโดยมิชอบ
- การเพิกถอนใบอนุญาต โดยไม่มีเหตุผล หรือไม่เป็นไปตามขั้นตอน
- การออกคำสั่งรื้อถอนอาคาร โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
2. คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร
ยกตัวอย่างเช่น
- เจ้าหน้าที่ไม่ยอมออกใบอนุญาตให้ ทั้งที่เอกสารถูกต้องครบถ้วน
- เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยอมรับแจ้งความ
- หน่วยงานรัฐไม่ดำเนินการตามคำร้องขอของประชาชน
3. คดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง
เช่น
- รัฐผิดสัญญาจ้างก่อสร้าง
- เอกชนผิดสัญญาสัมปทาน
4. คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ
อาทิ
- เจ้าหน้าที่รัฐทำร้ายร่างกายประชาชน
- หน่วยงานรัฐสร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินของประชาชน
5. คดีที่กฎหมายกำหนดให้หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องฟ้องคดีต่อศาลเพื่อบังคับบุคคลให้กระทำการหรือละเว้นกระทำการ
ยกตัวอย่างเช่น
- กรมสรรพากรฟ้องศาล เพื่อบังคับให้ผู้เสียภาษีชำระภาษี
- กรณีที่รัฐต้องการที่ดินของประชาชนเพื่อสร้างถนน แต่ตกลงราคาไม่ได้ หน่วยงานรัฐจะต้องฟ้องศาล เพื่อขอให้ศาลสั่งเวนคืน
- กรณีที่ประชาชนปลูกสร้างอาคารรุกล้ำที่สาธารณะ หน่วยงานรัฐจะต้องฟ้องศาล เพื่อขอให้ศาลสั่งรื้อถอนอาคาร
6. คดีที่กฎหมายกำหนดให้อยู่ในเขตอำนาจศาลปกครอง
เช่น
- คดีการดำเนินการเกี่ยวกับวินัยทหาร
- การดำเนินการของคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม
- คดีอื่นๆ ที่อยู่ในอำนาจของศาลชำนัญพิเศษ อาทิ คดีเกี่ยวกับอำนาจศาลเยาวชนและครอบครัว ศาลแรงงาน ศาลภาษีอากร ศาลทรัพย์สินทางปัญญา และศาลล้มละลาย
การฟ้องและการดำเนินคดีปกครอง
การฟ้องคดีปกครองมีลักษณะสำคัญ คือ ความเรียบง่ายและการเข้าถึงได้ของประชาชน หากสงสัยว่าฟ้องศาลคดีปกครองต้องมีทนายไหม ก็สามารถตอบได้เลยว่า “ไม่จำเป็นต้องมีทนายความ” ผู้ฟ้องร้องคดีสามารถดำเนินการด้วยตนเอง อีกทั้งการจัดทำคำฟ้องไม่มีแบบฟอร์มตายตัว เพียงแต่ต้องทำเป็นหนังสือใช้ถ้อยคำสุภาพและมีองค์ประกอบสำคัญครบถ้วน
เงื่อนไขและขั้นตอนการฟ้องคดีปกครอง
การฟ้องคดีปกครองมีเงื่อนไขสำคัญที่ผู้ฟ้องคดีต้องปฏิบัติตาม
1. ประการแรก – ผู้ฟ้องต้องเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายจริง
2. ประการที่สอง – ต้องยื่นฟ้องภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ซึ่งโดยทั่วไปคือ 90 วันนับแต่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี หรือ 1 ปีสำหรับคดีละเมิดและสัญญาทางปกครอง
3. ประการที่สาม – คำฟ้องต้องมีรายละเอียดครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด
4. ประการสุดท้าย – หากมีขั้นตอนการแก้ไขความเดือดร้อนก่อนฟ้องคดี ผู้ฟ้องต้องดำเนินการให้ครบถ้วนก่อน
การดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลปกครอง
ศาลปกครองจะใช้ระบบ “ไต่สวน” คือ ศาลจะพยายามค้นหาข้อเท็จจริงด้วยตัวเอง เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย โดยเมื่อยื่นฟ้องแล้ว ศาลจะตรวจคำฟ้องและมีคำสั่งรับหรือไม่รับคำฟ้อง หากรับคำฟ้อง จะส่งสำเนาให้ผู้ถูกฟ้องทำคำให้การ จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการแสวงหาข้อเท็จจริง ซึ่งศาลมีบทบาทสำคัญในการรวบรวมพยานหลักฐาน เมื่อได้ข้อเท็จจริงเพียงพอแล้ว ศาลจะจัดทำสรุปสำนวนและนัดพิจารณาคดี ก่อนมีคำพิพากษาหรือคำสั่งในที่สุด
คดีปกครองสามารถไกล่เกลี่ยหรือประนีประนอมได้หรือไม่

แม้คดีปกครองจะเกี่ยวข้องกับหน่วยงานภาครัฐ และมีการไต่สวนโดยศาล แต่ในความจริงแล้ว คู่กรณีสามารถเลือกที่จะยุติข้อพิพาท ด้วยการประนีประนอมยอมความ หรือไกล่เกลี่ยได้เช่นกัน โดยไม่ต้องรอคำพิพากษาของศาล โดยคู่กรณีสามารถตกลงกันได้เองตามความพึงพอใจ แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายและไม่กระทบต่อประโยชน์สาธารณะ โดยเมื่อตกลงกันได้แล้วก็ให้ทำบันทึกข้อตกลงและลงลายมือชื่อของคู่กรณี เพื่อให้ศาลปกครองตรวจสอบและรับรอง แต่ทั้งนี้ไม่ใช่ทุกคดีที่จะสามารถประนีประนอมยอมความได้ เช่น คดีที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน คดีอาญา เป็นต้น
โดยประโยชน์ของการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้องคดีปกครอง ได้แก่
- รวดเร็ว ประหยัดเวลา – ไม่ต้องเสียเวลา และค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีในศาล
- ลดความขัดแย้ง – การไกล่เกลี่ยสามารถรักษาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประชาชนกับหน่วยงานรัฐ
- ได้ผลลัพธ์ที่ยืดหยุ่น – คู่กรณีสามารถตกลงกันได้เองตามความพึงพอใจ เพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน
สรุป คดีปกครองถือเป็นกลไกสำคัญในการสร้างดุลยภาพระหว่างอำนาจรัฐและสิทธิเสรีภาพของประชาชน อีกทั้งเป็นช่องทางในการตรวจสอบการใช้อำนาจของหน่วยงานรัฐและเจ้าหน้าที่ให้อยู่ภายใต้หลักนิติธรรม ด้วยระบบการพิจารณาคดีที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน และไต่สวนคดีโดยศาล ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้โดยสะดวก นอกจากนี้ กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทก่อนการฟ้องคดียังช่วยลดความขัดแย้งและสร้างความสมานฉันท์ระหว่างคู่กรณี ซึ่งส่งผลให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย
สำหรับท่านใดที่กำลังประสบกับข้อพิพาทหรือการฟ้องร้อง การเจรจา ไกล่เกลี่ย หรืออนุญาโตตุลาการ เพื่อประนอมข้อพิพาทถือเป็นทางออกที่ลงตัวกับทั้งสองฝ่าย และเป็นทางเลือกอันดับแรกที่ควรพิจารณาก่อนขึ้นโรงขึ้นศาล ไม่ว่าจะเป็นคดีปกครอง หรือคดีแพ่งก็ตาม โดยทาง THAC ยินดีให้บริการคำแนะนำ รวมถึงบริการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทจากประสบการณ์และความชำนาญ
เกี่ยวกับ THAC
สถาบันอนุญาโตตุลาการ (Thailand Arbitration Center) หรือ THAC เป็นสถาบันฯ ที่ให้บริการด้านการอนุญาโตตุลาการ และการประนอมข้อพิพาทในระดับสากล ดำเนินการตั้งแต่ พ.ศ. 2558 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศและภายในประเทศ และให้บริการด้านอนุญาโตตุลาการที่มีความเป็นอิสระและมีมาตรฐานสากล ด้วยประสบการณ์และความชำนาญทางวิชาชีพ จึงทำให้มั่นใจได้ว่าผู้มาใช้บริการจะได้รับบริการที่ถูกต้องรวดเร็ว
สนใจติดต่อ THAC ได้ทาง
อีเมล: [email protected]