
คดีแพ่งคืออะไร? รวมเรื่องควรรู้ก่อนเกิดคดีความจนต้องขึ้นศาล

เมื่อกล่าวถึงการกระทำผิดสัญญาหรือมีการโต้งแย้งสิทธิหน้าที่ เชื่อว่าหลายท่านคงทราบว่าข้อพิพาทดังกล่าวถือเป็น คดีแพ่ง อย่างไรก็ตาม ใครที่ไม่คุ้นเคยกับเรื่องของกฎหมายหรือไม่ทราบมาก่อนว่าคดีแพ่งคืออะไร คงเกิดความสับสนไม่น้อยเลยทีเดียว
ดังนั้น บทความนี้จะมาบอกคำตอบว่า คดีความแพ่งคืออะไร รวมถึงประเภทของคดีแพ่ง รูปแบบการฟ้องร้อง ไปจนถึงการระงับข้อพิพาททางเลือกโดยไม่ต้องขึ้นศาล
คดีแพ่งคืออะไร
คดีแพ่ง คือ คดีที่เกี่ยวกับการโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลตามกฎหมาย การผิดสัญญาหรือข้อตกลงระหว่างบุคคลทั้ง 2 ฝ่าย รวมถึงเรื่องที่กฎหมายกำหนดให้มีการ “ใช้สิทธิทางศาล” เพื่อให้คุ้มครองสิทธิของตนและเรียกร้องขอให้อีกฝ่ายชดเชย ซึ่งส่วนมากจะเป็นในรูปแบบของการคืนเงิน จ่ายค่าเสียหาย และให้กระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อเป็นการเยียวยา
คำถามต่อมาที่หลายคนสงสัย คือ คดีแพ่ง มีอะไรบ้าง ยกตัวอย่างคดีแพ่งเช่น คดีเช่าซื้อ คดีเช่าทรัพย์ คดีผิดสัญญา คดีกู้ยืมเงิน คดีมรดก เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาล้วนเป็นคดีที่มีโอกาสเกิดขึ้นบ่อย และมักเกิดความเสียหายที่เป็นตัวเงิน ทั้งนี้ โทษของคดีแพ่งต่างจากคดีอาญาตรงที่ การรับผิดทางแพ่งจะไม่มีโทษปรับ จำคุก กักขัง ริบทรัพย์สิน ประหารชีวิต
ประเภทของคดีแพ่ง
ในทางกฎหมาย คดีแพ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ คดีที่มีข้อพิพาท และคดีที่ไม่มีข้อพิพาท โดยคดีแพ่งทั้งสองรูปแบบมีลักษณะที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. คดีแพ่งที่มีข้อพิพาท
คือ คดีที่มีการโต้แย้งสิทธิ ซึ่งมีคู่ความคือ โจทก์ (ฝ่ายยื่นคำฟ้องร้อง) และจำเลย (ฝ่ายถูกฟ้องร้อง) โดยโจทก์จะสามารถฟ้องศาลก็ได้ต่อเมื่อมีการทำให้เกิดความเสียหาย หรือกระทบกับสิทธิที่ต้องได้รับตามกฎหมาย
ในคดีที่มีข้อพิพาท ต่างฝ่ายต่างมีสิทธิ์ในการโต้แย้ง รวมถึงมีกระบวนการสืบหาความจริง เพื่อให้ศาลตัดสินว่าต้องชดใช้ให้กันมากน้อยแค่ไหน หรือต้องชดใช้ยังไงบ้างตามกฎหมายแพ่ง อาทิ
- การฟ้องผู้กู้ให้ชำระหนี้ตามสัญญากู้เงิน ฟ้องผู้ผิดสัญญาหรือผู้ค้ำประกัน
- การฟ้องเรียกค่าเสียหายเลิกจ้างไม่เป็นธรรม
- การฟ้องบังคับจำนองหรือไถ่ถอนที่ดินขายฝาก การฟ้องเพื่อขับไล่ผู้บุกรุกออกจากที่ดิน
- การฟ้องให้ผู้ละเมิดต่อสิทธิ เช่น สิทธิในชีวิต ร่างกาย หรือชื่อเสียง ชดใช้ค่าเสียหาย
- การฟ้องหย่า โต้แย้งสิทธิรับรองบุตร หรือฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูบุตร
2. คดีแพ่งที่ไม่มีข้อพิพาท
คือ คดีที่มีการเรียกใช้สิทธิทางศาลโดยไม่มีคู่ความ ซึ่งเป็นการที่ผู้ฟ้องร้องต้องการเรียกร้องให้ตัวเองมีสิทธิหรืออำนาจทางกฎหมายอย่างใดอย่างหนึ่งจากศาล สามารถพบเจอคดีแพ่งรูปแบบนี้ในกรณี เช่น
- การขอสิทธิเป็นผู้จัดการมรดก
- การขอสิทธิเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์
- การขอทำนิติกรรมแทนผู้เยาว์
- การขอให้ศาลสั่งให้เป็นบุคคลไร้ความสามารถ เสมือนไร้ความสามารถ หรือสาบสูญ
- การขอแสดงสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์
- การขอสิทธิการเลี้ยงดูบุตร
คดีแพ่งมีอายุความกี่ปี
คดีแพ่งแต่ละคดีมีอายุความที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับรูปแบบและกรณีของคดีนั้นๆ ซึ่งนับเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องพิจารณาให้ดี เพราะหากพ้นคดีความไปแล้ว ผู้ยื่นฟ้องร้องจะเสียสิทธิ์ในการเรียกร้องไปโดยปริยาย เช่น ลูกหนี้มีสิทธิปฏิเสธการชำระหนี้ เพราะคดีความขาดอายุ เป็นต้น จึงได้มีการกำหนดอายุความคดีแพ่งไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนี้
คดีที่มีอายุความ 2 ปี
ตามมาตรา ๑๙๓/๓๔ และมาตรา ๑๙๓/๓๕ ได้แก่ การฟ้องเรียกค่าจ้าง ฟ้องเรียกเงินที่พนักงานจ่ายไปก่อนแล้วนายจ้างไม่ยอมจ่ายคืน ฟ้องเรียกค่าจ้างออกแบบหรือเขียนแบบ ฟ้องเรียกเงินค่าส่งสินค้า และฟ้องเรียกค่าเช่า
คดีที่มีอายุความ 5 ปี
ตามมาตรา ๑๙๓/๓๓ ได้แก่ การฟ้องเรียกดอกเบี้ยค้างจ่าย ฟ้องให้จ่ายหนี้ที่ผ่อนเป็นงวด ฟ้องให้จ่ายค่าผ่อนสินค้า ฟ้องเรียกเงินบำนาญหรือค่าเลี้ยงดู
คดีที่มีอายุความ 10 ปี
ตามมาตรา ๑๙๓/๓๐ มาตรา ๑๙๓/๓๑ และมาตรา ๑๙๓/๓๒ เช่น คดีที่ไม่มีกำหนดเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะ คดีเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง รวมไปถึงคดีที่ศาลพิพากษาถึงที่สุดหรือมีการประนีประนอมยอมความ
รูปแบบการฟ้องร้องคดีแพ่ง
เมื่อเกิดข้อพิพาท การผิดสัญญา หรือต้องการเรียกร้องสิทธิ สิ่งแรกที่หลายคนมักทำ คือ การแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถดำเนินคดีแพ่งให้ได้ ผู้ฟ้องร้องจำต่อยื่นฟ้องต่อศาลเท่านั้น ซึ่งในส่วนของตำรวจจะมีหน้าที่รับผิดชอบคดีอาญา หรือคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องคดีอาญาเท่านั้น นอกจากนี้ การยื่นฟ้องศาลโดยตรงจะทำให้เรื่องถึงชั้นศาลได้เร็วขึ้นอีกด้วย
แล้วคดีแพ่งต้องฟ้องศาลไหน เพราะหากไปฟ้องต่อศาลที่ไม่มีอำนาจพิจารณาคดี ศาลก็จะไม่สามารถรับฟ้องไว้ได้ ซึ่งอาจทำให้เสียเวลามากกว่าเดิม โดยจะฟ้องคดีแพ่งกับศาลไหนนั้น ต้องพิจารณาจากรูปแบบคดี ดังนี้
1. คดีเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์
ยกตัวอย่างเช่น การฟ้องบังคับจำนองหรือไถ่ถอนที่ดินขายฝาก ฟ้องร้องเพื่อขับไล่ผู้บุกรุกออกจากที่ดิน หรือฟ้องเรียกค่าเช่าค่าเสียหาย เราสามารถยื่นฟ้องศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตหรือ ศาลที่อสังหาริมทรัพย์ตั้งอยู่ตามภูมิลำเนาของจำเลย
2. คดีเกี่ยวกับหนี้เหนือบุคคล
ได้แก่ คดีในรูปแบบของ การฟ้องร้องให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้ หนี้ค่าจ้าง หรือหนี้บัตรเครดิต รวมไปถึงการผิดสัญญา และการฟ้องหย่า ซึ่งสามารถยื่นฟ้องศาลในพื้นที่ที่ภูมิลำเนาของจำเลย
3. คดีคำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก
ในกรณีที่ต้องการยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อให้พิจารณาแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดก สามารถทำได้ที่ศาลในพื้นที่ตามที่อยู่ของเจ้าของมรดกก่อนเสียชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นคดีแพ่งในรูปแบบไหน โจทก์สามารถยื่นคำร้องได้ด้วยตนเองโดยไม่จะเป็นต้องมีทนายความ แต่หากไม่ทราบถึงวิธีดำเนินคดี หรือไม่มั่นใจในข้อกฎหมายก็อาจตกอยู่ในฐานะเสียเปรียบได้ ดังนั้น การขอคำปรึกษาจากทนาย พร้อมเตรียมพยานหลักฐานให้พร้อมก่อนฟ้องจึงเป็นเรื่องที่ควรทำ เนื่องจากคดีแพ่งเป็นคดีที่ศาลตัดสินจากพยานเอกสารและพยานวัตถุเป็นหลักนั่นเอง
การระงับข้อพิพาททางเลือกในคดีแพ่ง

จากที่กล่าวไปข้างต้น จะเห็นได้ว่าคดีแพ่งมักเกิดจากการผิดสัญญาหรือข้อตกลงระหว่างคู่พิพาทหรือบุคคลทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งคู่พิพาทมักเรียกร้องค่าเสียหรือค่าสินไหมทดแทน โดยเฉพาะในคดีกู้ยืมเงิน คดีเช่าทรัพย์ คดีตั๋วเงิน คดีผิดสัญญา คดีจำนอง คดีซื้อขาย และคดีมรดก ทั้งนี้ หากคู่พิพาทสามารถตกลงกันได้ว่าไม่ต้องการให้เรื่องไปถึงศาล สามารถเลือกใช้การระงับข้อพิพาททางเลือกนอกศาล หรือ Alternative Dispute Resolition (ADR) เช่น
- การเจรจา (Negotiation)
- การไกล่เกลี่ย (Conciliation)
- การประนีประนอมข้อพิพาท (Mediation)
- การอนุญาโตตุลาการ (Arbitration)
โดยกระบวนการระงับข้อพิพาททางเลือกจะสะดวกต่อคู่พิพาทมากกว่าการขึ้นศาล เพราะไม่จำเป็นต้องเดินทางไปศาล ไม่มีการบันทึกประวัติหรือเปิดเผยรายละเอียดแก่สาธารณะ จึงรักษาความลับได้ มีขั้นตอนการดำเนินการที่รวดเร็วและไม่ซับซ้อน อีกทั้งในหลายกรณียังประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่า จึงทำให้การระงับข้อพิพาททางเลือกนอกศาลในคดีแพ่งเป็นที่นิยม โดยเฉพาะในคดีที่เกิดจากการผิดสัญญา และคดีการแบ่งมรดกครอบครัว
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับคดีแพ่ง เพราะข้อพิพาทสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะเมื่อมีสัญญาเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นฝ่ายโจทก์หรือจำเลย ก็ควรศึกษาเกี่ยวกับคดีแพ่งและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อรักษาสิทธิและประโยชน์ของตน และหากท่านใดที่ต้องการระงับข้อพิพาททางเลือกแทนการขึ้นศาล สามารถปรึกษา THAC ได้แล้ววันนี้ เรายินดีให้คำแนะนำและบริการด้านการอนุญาโตตุลาการ และการประนอมข้อพิพาทต่างๆ โดยผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา
เกี่ยวกับ THAC
สถาบันอนุญาโตตุลาการ (Thailand Arbitration Center) หรือ THAC เป็นสถาบันฯ ที่ให้บริการด้านการอนุญาโตตุลาการ และการประนอมข้อพิพาทในระดับสากล ดำเนินการตั้งแต่ พ.ศ. 2558 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมระบบอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ และให้บริการด้านอนุญาโตตุลาการที่มีความเป็นอิสระและมีมาตรฐานสากล ด้วยประสบการณ์และความชำนาญทางวิชาชีพ จึงทำให้มั่นใจได้ว่าผู้มาใช้บริการจะได้รับบริการที่ถูกต้องรวดเร็ว อีกทั้ง THAC ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ช่วยให้สะดวกสบายในการเดินทาง และมีอัตราค่าบริการที่ต่ำกว่า ช่วยให้ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย
สนใจติดต่อ THAC ได้ทาง
อีเมล: [email protected]